สาวโวย เพื่อนส่งน้ำหอมปารีส โดนเปลี่ยนพัสดุเป็นถุงยาง

สาวโวย เพื่อนส่งน้ำหอมปารีส โดนเปลี่ยนพัสดุเป็นถุงยาง

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับพัสดุที่เพื่อนส่งมา ซึ่งพบว่ากล่องมีรอยถูกแกะ เมื่อเปิดออกดูของก็ถูกเปลี่ยนจากน้ำหอมจากปารีสเป็นกล่องถุงยาง ความว่า “เรื่องมีอยู่ว่า ฝากเพื่อนซื้อของจากปารีสน้ำหอม chanel chance ขวด 100 ml. (เพื่อนเป็นแอร์นำมาส่งให้หลังจากบินเสร็จแล้ว) แต่พอเปิดออกมาเป็นถุงยางอนามัย

ตามปกติกล่องมันจะต้องปิดผนึกเทปใสสามด้าน ปรากฎว่าด้านนึงมีรอยเทปสองชั้น 

ซึ่งหมายความว่าโดนกรีดเอาของออกไป แล้วปิดเทปคืนมาอีกชั้น ซึ่งไม่เหมือนกับตอนส่ง เอาน้ำหนักกลับไปชั่งที่ไปรษณีย์ น้ำหนักหายไป 112 กรัม (ไม่เห็นนน.ตอนชั่ง แต่เห็นจนท.บอก) ตอนนี้ได้ไปแจ้งความแล้ว เอาใบแจ้งความไปให้ไปรษณีย์ดู ขอดูกล้องที่ต้นทาง เห็นแค่ว่าตอนส่งส่งชาแนลไปจริง รับกล่องเข้าระบบ ในใบเสร็จระบุเป็นเวลา 12.16 แต่นำเข้าระบบตามเวลาที่ ปณ. แจ้งมาเป็นเวลา 15.17 น. แค่นั้นยังไม่มีอะไรคืบหน้าไปมากกว่านี้ หาไม่ได้ว่าหายตรงขั้นตอนไหน ทำได้แค่รับเรื่องไป รับไปกี่เรื่องแล้วคะ มีเรื่องไหนตามตัวคนผิดได้จริงบ้างหรือไม่

ขอคำตอบด้วยค่ะ ว่าพนักงานคนไหนทำ และของหายที่จุดไหน ต้องการเห็นการลงโทษคนกระทำผิดและมาตรการการป้องกันที่ดีกว่านี้ เคสนี้ไม่ใช่เคสแรก และคงไม่ใช่เคสสุดท้าย

รอฟังคำตัดสินศาลฎีกา คดีฆาตกรรมหนุ่ม-สาวชาวอังกฤษเกาะเต่า วานนี้ (28 ส.ค.) มีรายงานความคืบหน้าคดีฆาตกรรมชายหนุ่มและหญิงสาวชาวอังกฤษที่เกาะเต่าว่า ศาลจังหวัดนนทบุรี จะมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในวันนี้ (29 ส.ค.) เวลา 10.00 น. หลังศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งประหารนายซอลิน หรือ โซเรน สัญชาติเมียนมา จำเลยที่ 1 และ นายเวพิว หรือ วิน สัญชาติเมียนมา จำเลยที่ 2  ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง

ในการอ่านคำพิพากษา จำเลยทั้งสองจะถูกเบิกตัวไปฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดนนทบุรี โดยมีการจัดหาล่ามแปลภาษาเมียนมาผ่านทางวีดีโอคอนเฟอเรนซ์จากชั้น 6 อาคารศาลอาญา เพื่อให้จำเลยที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้ฟังคำพิพากษาศาลฎีกา โดยศาลจังหวัดเกาะสมุย จะเป็นผู้อ่านให้จำเลยฟังที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ไม่ได้เบิกตัวมาที่ศาลจังหวัดเกาะสมุย เนื่องจากจำเลยถูกขังอยู่ที่เรือนจำบางขวาง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นเรือนจำที่มีความมั่นคงสูง และศาลชั้นต้นได้พิพากษาประหารชีวิตไปก่อนหน้านี้

เหตุฆาตกรรมดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตสองรายคือ น.ส.ฮานนาห์ วิทเธอริดจ์ อายุ 23 ปี และ นายเดวิด มิลเลอร์ อายุ 24 ปี เกิดเหตุที่บริเวณหาดทรายรี หมู่ 1 ต.เกาะเต่า อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2557 โดยสภาพศพน.ส.ฮานนาห์ วิทเธอริดจ์ ร่างกายเปลือยเปล่า มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้า และพบร่องรอยการถูกข่มขืน ส่วนศพ นายเดวิด มิลเลอร์ มีบาดแผลบริเวณต้นคอด้านหลัง ทั้ง 2 ศพอยู่ห่างกันประมาณ 20 เมตร

ใกล้จุดเกิดเหตุ พบจอบเปื้อนเลือดตกอยู่ซึ่งเชื่อว่าเป็นอาวุธที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุ ตำรวจจึงคาดว่าน่าจะเป็นคนงานที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง หรือแรงงานชาวเมียนมา โดยคนร้ายต้องการฆ่าข่มขืนเหยื่อ หลังจากเวลาผ่านไป 2 สัปดาห์ ในวันที่ 2 ต.ค. 2557 ตำรวจก็ได้จับกุม นายซอลิน ได้บนเกาะเต่า ส่วน นายเวพิว ผู้ต้องหาอีกรายหลบหนีไปก่อนถูกจับกุมได้ที่ ท่าเทียบเรือในตัวเมือง จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งคู่เป็นแรงงานชาวเมียนมาที่ทำงานบนเกาะเต่า โดยมีหลักฐานสำคัญในคดีคือ ผลตรวจดีเอ็นเอของผู้ต้องหาทั้งสองคน ที่ตรงกับดีเอ็นเอที่พบบนร่างของผู้ตาย ประกอบกับพยานหลักฐานแวดล้อมอื่นๆในเวลาที่เกิดเหตุ

เผยโฉมคนร้ายปล้นทอง 85 ล้านสงขลา คาดนำไปหาทุนก่อการร้ายภาคใต้

จากกรณีที่กลุ่มคนร้ายบุกปล้นห้างทองสุธาดา ซึ่งตั้งอยู่กลางตลาดนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยได้จี้รถตู้จากอ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อนำไปใช้ในการปล้นครั้งนี้ และกวาดทองไปเกือบเกลี้ยงร้าน ล่าสุด วันนี้ (28 ส.ค.) ตำรวจเมืองปัตตานี ได้ร่วมกันวิเคราะห์เบาะแสลักษณะการก่อเหตุของคนร้ายที่การลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็มที่ผ่านมา พบว่ามีความพยายามจะเอาเงินภายในตู้ และหลังจากนั้นก็มีเหตุปล้นร้านทองดังกล่าว จึงวิเคราะห์ว่ากลุ่มคนร้ายต้องการจะนำเงินไปสนับสนุนขบวนการก่อการร้ายในภาคใต้

ขณะนี้ตำรวจรู้ตัวผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุครั้งนี้แล้ว 2 คน ซึ่งกำลังเตรียมออกหมายจับ โดยผู้ต้องหาทั้งสองก็มีหมายจับคดีความมั่นคงติดตัวจำนวนมาก สองคนนี้ได้แก่ นายแวอูเซ็ง ดือราเฮ็ง ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีความมั่นคง จำนวน 3 คดี ในพื้นที่จ.ปัตตานี ทั้งของ ปี 2561 จำนวน 2 หมาย และปี 2562 จำนวน 1 หมาย และอีกรายคือ นายไซฟูดดิน หะยีปูเต๊ะ มีหมายจับคดีความมั่นคง จำนวน 4 หมาย เป็นหมายจับของศาล จ.นาทวี เมื่อปี 2560 หมายจับศาล จ.สตูล เมื่อปี 2560 และหมายจับของศาล จ.ปัตตานี ปี 2561 และ 2562 จากการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ พบว่ากลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบนี้ เริ่มก่อเหตุปล้นทรัพย์ ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มก่อเหตุ เพื่อหวังนำเงิน ซึ่งทางการข่าวจะต้องวิเคราะห์ว่าจะนำไปทำอะไร และจะต้องมีการติดตามทองที่ถูกปล้นไปว่าจะนำไปหลอมขายและนำเงินกลับมาสู่ขบวนการอีกหรือไม่

 ผบช.ภาค 9 ระบุว่า ทางตำรวจกำลังวิเคราะห์ว่าทางกลุ่มจะเอาเงินไปทำอะไร หรือกลุ่มจะไม่สามารถควบคุมกลุ่มบางกลุ่มได้แล้ว หรืออาจเป็นผลมาจากการประกาศใช้ชุดจรยุทธควบคุมหมู่บ้านพื้นที่เป้าหมายของแม่ทัพภาค 4 ที่ส่งผลให้กดดันกลุ่มแนวร่วมออกนอกพื้นที่เป็นจำนวนมาก ขณะที่ พล.ต.ปิยพงษ์ วงศ์จันทร์ ผบ.ฉก.ปัตตานี กล่าวว่า ตำรวจพบเบาะแสสาเหตุการปล้นร้านทอง ฝ่ายกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าจึงมีคำสั่งปรับรูปแบบกำลังพลเข้ามาร่วมทำงานประสานกับฝ่ายตำรวจ และปกครองเพื่อเคลียร์พื้นที่ให้ปลอดภัย โดยเฉพาะ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ซึ่งกลายเป็นพื้นที่หลบหนีและซ่องสุม เพราะพื้นที่ไม่มีกฎหมายบังคับใช้รับรอง จึงกลายเป็นแหล่งพังพิงของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้